ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ขอให้เกษตรกร “ปรับเพื่อรอด”

          นายประพัฒนฺ์ ปัญญาชาติรักษ์​ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ​ กล่าวในการเสวนาทางวิชาการ เรื่อง ‘NEW Normal Agriculture accelerated by the COVID-19 ฐานวิถีชีวิตเกษตรใหม่ จากตัวเร่งภายหลังสถานการณ์ COVID-19’​ ซึ่งจัดโดย สำนักงานบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ณ ห้องประชุมกำพล อดุลวิทย์ ชั้น 2 อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน​ ว่า ก่อนหน้าสถานการณ์ไวรัสโคโรนา สภาเกษตรกรแห่งชาติได้มีการเตรียมการมุ่งเน้นให้เกษตรกรปรับตัวมาโดยตลอด เพราะเกษตรกรได้รับผลกระทบจากเรื่อง ภาวะโลกร้อน นโยบายจากภาครัฐที่เปลี่ยนทุกรัฐมนตรี กรอบการค้าเสรี แต่ในทุกสถานการณ์มีผลกระทบไม่รุนแรงและกว้างขวางเท่ากับวิกฤตการณ์ไวรัสโคโรนาแพร่ระบาด แต่ภายใต้สถานการณ์นั้นมีทั้งวิกฤตและโอกาส ในมุมของสภาเกษตรกรฯเกษตรกรที่ข้อมูลไม่พอ ปรับตัวไม่ทันเป็นวิกฤตโดยตรงเลย อาทิ กลุ่ม non Food เช่น ยางพารา จีดีพีทั้งโลกหดตัวลงการบริโภคสินค้าเหล่านี้ลดลงทันที รถขายไม่ออกยางก็ขายไม่ออกไปด้วยมีผลกระทบโดยตรงรายได้หดตัวลงและต่อเนื่องยาวนาน  ปาล์มน้ำมัน ถึงแม้เป็น food Product แต่บางส่วนก็นำไปทำเป็นพลังงาน พอเศรษฐกิจโลกหดตัวลงการใช้พลังงานลดลง ราคาน้ำมันดิบของโลกปรับตัวลดลงจนติดลบก็มี ส่งผลกระทบถึงราคาปาล์มน้ำมันโดยตรง เป็นต้น   ส่วนที่เป็นโอกาส ถ้าเกษตรกรปรับตัวทันในสินค้าเกษตรบางตัว เช่น ข้าว หลายประเทศสำรองข้าวเป็นความมั่นคงด้านอาหารไม่ส่งออก ในขณะที่เป็นคู่แข่งกับไทยแต่ก็เก็บสำรองข้าวไว้บริโภคเอง ซัพพลายในโลกก็หาย ประเทศไทยจึงขายข้าวได้มากขึ้น มันสำปะหลัง ถึงแม้จะตีเป็นอาหารสัตว์ แต่ยามนี้สำคัญมากเพราะประเทศจีนสั่งซื้อเพื่อไปหมักทำแอลกอฮอล์ด้วยสถานการณ์ไวรัสแพร่ระบาดทำให้แอลกอฮอล์ขาดตลาดมาก แต่ก็ต้องศึกษาว่าจะผันแปรได้มากน้อยขนาดไหน ด้านภาคปศุสัตว์นับเป็นโอกาสมาก สังเกตจากการแพร่ระบาดของไข้หวัดหมูแอฟริกาส่งผลให้ราคาสุกรในประเทศไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมาก คาดการณ์ว่าราคาไก่ส่งออกก็น่าจะดีขึ้นตามไปด้วยน่าจะฉุดให้ราคาภาคปศุสัตว์เชื่อมโยงต่อๆกันไป ยกเว้นบาง Sector ที่มีผลกระทบมาก เช่น ประมง โดยเฉพาะการเลี้ยงปลาในกระชัง  การเลี้ยงกุ้ง ด้วยตลาดส่งออกถูกปิดเพราะติดปัญหาเรื่องเคอร์ฟิว ระบบขนส่ง  ที่เป็นปัญหาน้อยลงคือ ไม้ผล จะสังเกตเห็นว่าราคาทุเรียนยังดีต่อเนื่องด้วยสภาเกษตรกรฯผลักดันการเจรจาให้เกิดช่องทางในการขนส่งที่มากขึ้นและเร็วขึ้น ส่วนไม้ผลที่มีปัญหาเนื่องจากอายุเก็บรักษาสั้นตอนนี้ เช่น ลิ้นจี่ ลองกอง เป็นต้น

     “ประเทศไทยยังมีศักยภาพของการผลิตเพิ่มในพื้นที่ด้านการเกษตรสูงมากที่ยังขาดการพัฒนาหรือพัฒนาไม่ถูกทางยังมีอีกเยอะ ภายใต้ช่วงท้ายสถานการณ์ไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดเกษตรกรจะต้องปรับปรุงการผลิต หากครั้งนี้ท่านไม่ปรับปรุงไม่เปลี่ยนแปลงจะช้าหรือเร็วท่านต้องยกเลิกอาชีพ “เกษตรกร” เพราะว่าท่านสู้เขาไม่ได้แน่ ต้องปรับตัวอย่างเดียว ถึงจะอยู่รอดได้ ปรับเพื่อรอด ปรับเพื่อการเพิ่มรายได้”  ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าว

                                                          …………………………………………………………………

ข่าว : วัฒนรินทร์  สุขีวัย

ภาพ : วัชร  มีแสงเงิน

อำนวยการข่าว : ภาสันต์  นุพาสันต์